คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า ลึก ๆ แล้วตนเองก็เป็นอีกคนที่อยากรวย หรืออย่างน้อยก็อยากมีเงินในการดำเนินชีวิตอย่างสบาย ๆ จนถึงวัยเกษียณ แต่บางคนก็อาจน้อยใจ หรือท้อใจบ้างที่มีเงินเดือนน้อย แถมมีภาระและหนี้สินท่วมท้นจนไม่สามารถเก็บออมได้ หากคุณยังคงมีความคิดเช่นนี้ ขอให้ปรับทัศนคติตนเองเสียใหม่ แล้วเริ่มเก็บออมไปทีละน้อยแค่เดือนละ 500 บาท คุณก็สามารถมีเงินหมื่นเงินแสนได้เหมือนกัน
เริ่มต้นออมหลักร้อย เพื่อชีวิตบั้นปลายหลักแสน
ลองคิดกันดูเล่น ๆ หากในแต่ละเดือนคุณเริ่มเก็บออมเงินเดือนละ 500 บาท เป็นประจำสม่ำเสมอในกองทุนรวมที่มีโอกาสได้รับผลตอบแทนเฉลี่ยที่ประมาณ 5% ต่อปี และผลตอบแทนในส่วนของกำไรที่ได้รับก็ไม่ต้องเสียภาษีให้เป็นที่น่าเสียดาย มาดูกันว่า เงินก้อนเล็ก ๆ นี้ จะสร้างความมั่นคงทางการเงินให้คุณได้มากมายขนาดไหน
หากเก็บออมทุกเดือนเป็นระยะเวลา 5 ปี คุณจะมีเงิน 34,003 บาท
หากเก็บออมทุกเดือนเป็นระยะเวลา 10 ปี คุณจะมีเงิน 77,642 บาท
หากเก็บออมทุกเดือนเป็นระยะเวลา 15 ปี คุณจะมีเงิน 133,645 บาท
หากเก็บออมทุกเดือนเป็นระยะเวลา 20 ปี คุณจะมีเงิน 205,517 บาท
หากเก็บออมทุกเดือนเป็นระยะเวลา 25 ปี คุณจะมีเงิน 297,755 บาท
หากเก็บออมทุกเดือนเป็นระยะเวลา 30 ปี คุณจะมีเงิน 416,130 บาท
จะเห็นได้ว่า เพียงเงินแค่เดือนละ 500 บาท ที่ใคร ๆ ต่างก็มองว่าเป็นเงินที่น้อยนิดมาก แต่ก็สามารถงอกเงยสร้างเป็นเงินหลักแสนได้เหมือนกัน
เคล็ดลับ “เงิน 3 ส่วน” เพื่อความมั่งคั่ง มั่นคง
หลายคนอาจยังสงสัยว่า เคล็ดลับเงิน 3 ส่วน คืออะไร และมีหลักการปฏิบัติอย่างไรถึงจะทำให้เงินในกระเป๋าเพียงพอไปจนถึงสิ้นเดือน ทั้งยังมีเงินเก็บไว้ใช้ในยามเกษียณได้อีกด้วย เคล็ดลับนี้ถือว่าไม่ได้เป็นเรื่องใหม่ และไม่ยากจนเกินไปที่จะปฏิบัติ ขอเพียงให้มีวินัย และทำอย่างสม่ำเสมอ ก็จะบรรลุเป้าหมายได้อย่างง่ายดาย ซึ่งเริ่มจากการแบ่งเงินเดือนออกเป็น 3 ส่วน ดังนี้
ส่วนที่ 1 แบ่งออกมา 50% สำหรับรายจ่ายประจำที่ต้องจ่ายทุกเดือน เช่น ค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ หนี้บัตรเครดิต หรือผ่อนสิ่งต่าง ๆ หากพบว่า เงินที่หักออกมา 50% ของเงินเดือน ยังไม่เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ ต้องขอให้คุณพิจารณาถึงความเหมาะสมในการจับจ่ายซื้อของที่ไม่จำเป็นอื่น ๆ ได้แล้ว เพราะเป็นสัญญาณเตือนให้รู้ว่า คุณกำลังใช้จ่ายเกินตัวแล้วล่ะ
ส่วนที่ 2 แบ่งออกมา 25% เป็นเงินใช้จ่ายส่วนตัว ทั้งค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอาหาร ค่าน้ำมัน ค่าเดินทาง เงินสำหรับให้คุณพ่อคุณแม่ และลูก เงินเพื่อการท่องเที่ยว พักผ่อนหย่อนใจ และอื่น ๆ จิปาถะต่าง ๆ ซึ่งเป็นเงินที่มีทั้งส่วนที่จำเป็นต้องใช้ และไม่จำเป็นต้องใช้ หรือสามารถระงับยับยั้งการใช้ไปก่อนได้ เช่น การท่องเที่ยว ดูหนัง หรือจิปาถะต่าง ๆ ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการ เพื่อให้ส่วนที่จำเป็นต้องใช้ไม่ติดลบนั่นเอง
ส่วนที่ 3 แบ่งออกมาอีก 25% เพื่อเป็นเงินออม สำหรับบางคนอาจมองว่า เงินออมจำนวน 25% ของเงินเดือน อาจดูเป็นเงินจำนวนมาก โดยเฉพาะในสภาวะเศรษฐกิจ และค่าครองชีพที่สูงในปัจจุบัน การเก็บออมเพียงแค่ 10% ของเงินเดือนยังยากลำบากอยู่เลย แต่สำหรับนักการเงินหลาย ๆ ท่านกลับมองว่า หากเรายังมองเป้าหมายการออมที่น้อยอยู่ ภาพความสำเร็จทางการเงินที่จะสร้างอนาคตให้มั่งคั่งอย่างมั่นคงก็จะเลือนรางตามไปด้วย อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การออมไม่สร้างความตึงเครียดหรือปัญหาภายในครอบครัว ขอให้คุณวางแผนการเงิน โดยจัดทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายให้เห็นภาพชัดเจนในแต่ละเดือน และปรับเปลี่ยนการใช้จ่ายภายในครอบครัว ตลอดจนวิธีการออมที่เหมาะสมตามแบบฉบับที่พึงสามารถทำได้ ไม่แน่ว่า คุณอาจจะได้รู้ว่า จริง ๆ แล้วคุณมีศักยภาพเพียงพอที่จะเก็บออมในแต่ละเดือนได้ 25% ของเงินเดือนก็เป็นได้
คงไม่มีใครไม่อยากรวยมีเงินใช้ในยามบั้นปลายของชีวิต ซึ่งนอกจากจะทำให้เกิดความมั่นใจในการดำเนินชีวิตแล้ว ยังไม่ต้องลำบากใจรบกวนลูกหลานซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายที่มากเช่นกัน เพียงขอให้วันนี้คุณเริ่มปฏิวัติตัวเอง ให้เป็นคนที่มีวินัยในการใช้จ่าย รู้จักเก็บหอมรอมริบ ไม่ใช้จ่ายซื้อของฟุ่มเฟือยที่ไม่จำเป็น และที่สำคัญต้องหมั่นเก็บออมอย่างสม่ำเสมอ คุณก็จะมีแต่ความสุข และมีวัยเกษียณที่แฮปปี้กว่าใครแน่นอน